จริงไหม ที่การทำ SEO ทุกวันนี้ ต่อให้ตั้งใจทำเนื้อหาดีขนาดไหน ก็สู้เว็บใหญ่กับเว็บราชการไม่ได้
พอดีมีคำถามเกี่ยวกับ SEO ที่น่าสนใจ ประมาณว่า “จร […]
หลายคนมีปัญหาว่าจะเลือกทำงานที่ไหนดีนะ ผมขอแชร์เทคนิคส่วนตัวในการเลือกงานแล้วกันครับ
ปัญหาอย่างนึงของคนเราเวลาเปลี่ยนงาน คือ อารมณ์มักจะนำเหตุผลครับ เช่น เบื่อหัวหน้า, เกลียดเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นวิธีที่ผมใช้ ข้อดีคือมันช่วยขจัดอารมณ์ออกไปได้ ให้เหลือแต่เหตุผลล้วนๆ
ปัญหาอย่างต่อมา คนเรามีความต้องการในชีวิตไม่เหมือนกันครับ และเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามช่วงชีวิตด้วย ดังนั้นอย่างแรกที่ต้องทำคือ ลิสมาก่อนว่า ความต้องการในชีวิตของเรามีอะไรบ้าง
ผมเริ่มจากแบ่งความต้องการออกเป็น 3 มิติ คือ งาน, ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว
จากนั้นผมก็เลือกให้น้ำหนักที่ผมต้องการ ผมเลือก งาน 65% ชีวิตส่วนตัว 25% และครอบครัว 10% ครับ ผมให้น้ำหนักงานค่อนข้างเยอะเพราะผมคิดว่าผมกำลังอยู่ในจุดพีคของอาชีพ อยากเร่งทำเงินให้ได้เยอะๆ แต่ก็เริ่มให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น (ก่อนหน้านี้ผมให้งาน 75%) เพราะผมเริ่มคิดว่าควรแบ่งเวลามาดูแลสุขภาพบ้าง ไม่อยากอดหลับอดนอนบ่อยๆอีกแล้ว ส่วนครอบครัวผมให้ 10% เพราะผมยังโสด ไม่มีภาระอะไร ทางบ้านพ่อแม่ก็ไม่เดือดร้อนอะไร มีกินมีใช้ทุกเดือน หลังลูกๆเรียนจบ ชีวิตแฮปปี้ เที่ยวกัน 2 คนทุกวัน
จากนั้นผมก็ลิสความต้องการของในแต่ละมิติ และน้ำหนักความสำคัญของความต้องการเหล่านั้น
จะเห็นได้ว่า ผมไม่มีคะแนนเรื่องสวัสดิการบริษัทเลย เพราะผมตั้งแต่ผมทำงานมา ผมไม่เคยใช้สวัสดิการบริษัทเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมเลยรู้สึกว่า มันไม่จำเป็นเท่าไร (แต่อนาคตอาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้นะครับ)
หลังจากรู้แล้วว่า ความต้องการในชีวิตมีอะไรบ้าง ก็มาเลือกบริษัทที่ตอบโจทย์เรา โดยให้คะแนนตามน้ำหนักที่บริษัทนั้นๆตอบโจทย์ในชีวิตของเรา ยกตัวอย่างของผม ก่อนหน้าผมสัมภาษณ์ผ่าน 2 บริษัท สอบได้ราชการอีก 1 ที่ แล้วก็มีบริษัทที่ทำอยู่แล้ว 1 ที่
ขอสรุปคร่าวๆแบบนี้แล้วกัน จริงๆมีรายละเอียดเยอะกว่า แต่ไม่สะดวกลง detail ไปมากกว่านี้
ทีนี้ผมก็ให้คะแนนแต่ละบริษัท ตามแต่ว่าตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตมากน้อยขนาดไหน แล้วสรุปได้ดังตาราง
ความต้องการ | บริษัท A | บริษัท B | บริษัท C | งานราชการ |
เงินเดือน (25%) | 23.3 | 21.7 | 25 | 8 |
โอกาสในการพัฒนาตัวเอง (10%) | 8 | 7 | 4 | 8 |
นำโปรไฟล์ต่อยอดในสายอาชีพได้ (5%) | 5 | 4 | 3 | 3.5 |
สังคมที่ทำงาน (5%) | 4 | 4 ± 2 | 3 ± 2 | 2.5 ± 2 |
ความมั่นคง (10%) | 8 | 8 | 4 | 10 |
มีเวลาได้ทำงานของตนเอง/ต่อยอดในงานตนเองได้ (10%) | 0 | 9 | 7 | 10 |
มีเวลาออกกำลังกาย (5%) | 1 | 5 | 2 | 5 |
ได้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ (10%) | 5 | 10 | 6 | 8 |
ใกล้ที่พักเดินทางสะดวก (5%) | 0 | 0 | 1 | 3 |
สิ่งแวดล้อมดี ปลอดภัย บรรยากาศดี หาของกินง่าย (5%) | 0 | 5 | 0 | 5 |
ได้อยู่ใกล้บ้านที่ ตจว. (5%) | 0 | 0 | 0 | 3 |
มีเวลากลับไปหาพ่อแม่ (5%) | 1 | 5 | 3 | 5 |
รวม | 55.3 | 78.7 ± 2 | 58 ± 2 | 71 ± 2 |
ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึง ตรงสังคมที่ทำงาน ผมใส่ ± เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมยังไม่ชัวร์ เพราะยังไม่เคยทำงานที่นั่นจริงๆ แต่สังเกตุเอาจากตอนสัมภาษณ์และคำถามต่างๆที่เราถามไปตอนสัมภาษณ์
ส่วนงานราชการผมให้ได้อยู่ใกล้บ้านที่ ตจว. 3 คะแนน เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้เริ่มงานที่ ตจว. แต่ดูแล้วมีโอกาสทำเรื่องย้ายกลับ ตจว. ได้ในอนาคต
ส่วนประเด็นที่ว่า บริษัท B เป็นธุรกิจครอบครัว ทำไมผมให้คะแนนเรื่องความมั่นคงเยอะจัง นั่นเป็นเพราะลึกๆแล้ว ส่วนตัวผมรู้สึกว่า ธุรกิจครอบครัว ถ้าสนิทกับเจ้าของ มั่นคงกว่า Corporate ซะอีก คือ Corporate ถึงแม้ตัวบริษัทจะมั่นคง แต่ถ้าเรา Keep performance, Keep KPI ไม่ได้ตลอด ก็ปลิวได้เหมือนกัน (ซึ่งคนเรามีขึ้นมีลง ไม่ได้มีปีที่ดีทุกปี) ผมเลยมองว่า ธุรกิจครอบครัว ถ้าสนิทกับเจ้าของ มั่นคงกว่า และจากที่คุยกับเจ้าของ ก็คุยกันถูกคอพอสมควร แต่ว่าผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะครับ อะไรๆก็ไม่แน่ไม่นอน
และจากการทำตารางแบบนี้ ผมจึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท A แล้วเลือกบริษัท B ครับ