การตีความกฎหมายในทางแพ่งมีหลักเกณฑ์อย่างไร
หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 4 วรรคหนึ่ง […]
หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 4 วรรคสอง บัญญัติว่า “เมื่อไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ถ้าไม่มีจารีตประเพณีเช่นว่านั้นให้วินิจฉัยคดีอาศัยเทียบกับบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง และถ้าบทกฎหมายเช่นนั้นก็ไม่มีด้วย ให้วินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป”
กล่าวคือ มาตรา 4 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์วางหลักไว้ว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดๆที่จะยกมาปรับใช้ได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตาม
ในส่วนของจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นคือระเบียบแบบแผนที่มนุษย์ยอมรับนับถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลา โดยจารีตประเพณีที่จะนำมาปรับใช้ได้ ควรมีลักษณะดังนี้
แต่ถ้าหากไม่มีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้อาศัยเทียบเคียงกับบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งโดยอาศัยหลัก “สิ่งที่เหมือนกันควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน” โดยมีขั้นตอนดังนี้
ตัวอย่างการอุดช่องว่างทางกฎหมายโดยอาศัยหลักเทียบเคียงกับบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง เช่น ประเทศไทยไม่มีบทบัญญัติว่าการขุดหลุมรับกากสารเคมีต้องขุดในระยะกี่เมตร แต่มีกฎหมายระบุว่าการขุดหลุมรับน้ำโสโครก หลุมขยะ สิ่งปฏิกูล จะขุดในระยะ 2 เมตร จากแนวดินไม่ได้ เพราะอาจเกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ที่อยู่ในที่ดินข้างเคียง จึงนำบทบัญญัตินี้มาใช้เทียบเคียงกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่คล้ายกัน และมีเหตุผลอย่างเดียวกันคือเพื่อมิให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ
แต่ถ้าไม่มีบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งให้วินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป
หลักกฎหมายทั่วไปหมายถึงรากฐานที่เป็นที่ของบทบัญญัติในกฎหมายเรื่องต่างๆ ตัวอย่างของบทบัญญัติกฎหมายทั่วไป เช่น “บุคคลต้องปฏิบัติตามสัญญา” หรือ “หลักคุ้มครองผู้สุจริต” นอกจากนี้อาจได้มาจากสุภาษิตของกฎหมาย หรือเป็นหลักกฎหมายที่นานาอารยะประเทศยอมรับและใช้ปฏิบัตืทั่วไปก็ได้